การปรับเปลี่ยน ราล์ฟ รังนิค ชายคนที่ไม่ยอมตามให้บอร์ดบริหาร

การปรับเปลี่ยน ราล์ฟ รังนิค ชายคนที่ไม่ยอมตามให้บอร์ดบริหาร

การปรับเปลี่ยน จนกระทั่งถีงในตอนที่เขียนเนื้อหาบทความนี้หากจะพูดว่ามันได้โอกาสสูงระดับ 99 เปอร์เซ็นต์

การปรับเปลี่ยน โดยเดี๋ยวนี้เหลือเพียงแค่รอคอยให้ แมนฯ ยูไนเต็ด หาบทสรุปกับ โลโคโมทีฟ มอสโก ให้ได้แค่นั้น เพราะ รังนิค พึ่งจะไปรับงานกับหัวหน้าฝ่ายกีฬาแล้วก็การพัฒนาของตรงนั้นเมื่อตอนมิถานายนก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา

ดังนี้ ตามรายงานเจาะจงเพราะว่านอกเหนือจากการที่จะได้คุม แมนฯ ยูไนเต็ด แบบชั่วครั้งคราวไปจนถึงจบฤดูนี้ รังนิค จะยังได้อยู่กับกลุ่มถัดไปในอีก 2 ฤดูกาลต่อจากนี้ ในฐานะที่ปรึกษาของ แมนฯ ยูไนเต็ด เช่นเดียวกัน ไอ้น้องยืดเลย

โดยมันจะก่อให้เขามีอำนาจสำหรับในการปรับเปลี่ยนโครงสร้างต่างๆของชมรม ดังเช่นว่าลักษณะของอะคาเดมี่ รวมทั้งที่มีความสำคัญในการรบการเสริมกองทัพได้ อย่างที่หลายๆคนเข้าใจกันอยู่ว่า รังนิค มีชื่อเลื่องลืออย่างยิ่งในแวดวงบอลเยอรมัน

โดยคนจำนวนไม่น้อยให้เครดิตกับเขาว่าผู้ให้กำเนิดสไตล์การเล่นที่ย้ำบีบคั้นคู่ปรปักษ์แบบเร็วเมื่อกลุ่มของตนเองเสียการครอบครองบอลแม้ว่าจะอยู่ตั้งแต่ในดินแดนหน้า หรือที่เรียกกันว่า “เกเก้นเพรสซิ่ง”

ซึ่งอีกทั้ง เจอร์เก้น คล็อปป์ รวมทั้ง โธมัส ทูเคิ่ล ก็เอาสไตล์ที่ว่ามาใช้ในลัษณะของการคุมกลุ่มของพวกเขาเองจนถึงทำให้พวกเขาประสบผลสำเร็จในอาชีพการควบคุมกลุ่มเป็นอย่างมาก ยิ่งกว่านั้น เขายังส่งผลงานที่เด่นในตำแหน่งผู้อำนวยการกีฬาด้วย

อย่างไรก็แล้วแต่ นอกเหนือจากการที่จะมีชื่อเสียงในด้านผลงานทั้งยังตำแหน่งผู้จัดการทีมรวมทั้งผู้อำนวยการบอลแล้วนั้น รังนิค ยังมีคุณลักษณะเด่นในด้านการไม่ยินยอมคนใดกันแน่กล้วยๆด้วย

รวมทั้งหนึ่งในเรื่องราวที่เกี่ยวกับหัวข้อนั้นก็คือเวลาที่เขาเป็นผู้ฝึกสอนให้กับ ฮอฟเฟ่นไฮม์กลุ่มในลีกของเมืองเบียร์สด ย้อนเรื่องในอดีตกันก่อนว่า รังนิค ได้เข้าไปรับงานคุม ฮอฟเฟ่นไฮม์เมื่อปี 2006

โดยมันนับว่าเป็นงานแรกของเขาตั้งแต่แมื่อที่เขาโดน ชาลเก้ 04 ให้ออกจากการเป็นผู้จัดการทีมของกลุ่มเมื่อตอนธันวาคม ปี 2005 ซึ่งในเวลานั้น ฮอฟเฟ่นไฮม์เล่นอยู่ในลีกระดับ 3 ของประเทศเยอรมนี้เพียงแค่นั้น

มันสมองของ รังนิค ช่วยปรับ ฮอฟเฟ่นไฮม์เลื่อนชั้นสู่ ลีกา 2 ได้ตั้งแต่ในฤดูกาลแรกของเขากับ ฮอฟเฟ่นไฮม์ตอนที่พอเพียงถึงฤดู 2007-08 ฮอฟเฟ่นไฮม์ของเขาก็ได้ชั้น 2 จนกระทั่งทำให้กลุ่มได้สิทธิ์เลื่อนชั้นสู่ บุนเดสลีกา เยอรมัน พูดได้ว่าเขาใช้เวลาเพียงแค่ไม่นานนักสำหรับการนำกลุ่มขึ้นสู่ลีกสูงสุดได้

การปรับเปลี่ยน

การปรับเปลี่ยน แน่ๆว่าผลงานอย่างงั้นทำให้ ฮอฟเฟ่นไฮม์เชื่อถือในความสามารถของ รังนิค

รวมทั้งให้เขาคุมกลุ่มต่อ ซึ่งในช่วงฤดูกาลแรกกับการเล่นบน บุนเดสลีกา กลุ่มของ รังนิค จบฤดูด้วยการเป็นถึงที่ 7 ของลีก ก่อนที่จะตามมาด้วยการเป็นชั้น 11 ในช่วงฤดูกาล 2009-10

โดยในฤดูกาลที่ว่า ฮอฟเฟ่นไฮม์ไปถึงรอบก่อนรองชนะเลิศของ เดเอฟเบ-โพค้างล ได้ด้วย อย่างไรก็ดี ความข้องเกี่ยวที่เคยราบรื่นระหว่าง รังนิค กับกระดานบริหารของ ฮอฟเฟ่นไฮม์ก็มาถึงตอนอวสานแบบที่ไม่แฮปปี้เอ็นดิ้งในฤดูกาล 2010-11

จำต้องบอกก่อนว่าในตอนนั้น บาเยิร์น มิวนิค กลายเป็นข่าวสารสนใจในตัว ลุยซ์ กุสตาโว่ มิดฟิลด์ชาวบราซิเลียนของ ฮอฟเฟ่นไฮม์เป็นอย่างมาก โดยที่ รังนิค เป็นคนค้นหาเพชรเม็ดงามรายนี้พบแล้วดึงมาอยู่กับ ฮอฟเฟ่นไฮม์เมื่อปี 2008 บ้านผลบอลวันนี้ทุกลีก

ซึ่งหากแม้เขาจะไม่ใช่นักฟุตบอลที่มีชื่อมีชื่อเสียง แต่ว่าเขานับว่าเป็นกระดูกสันหลังของ ฮอฟเฟ่นไฮม์ก็ว่าได้ อย่างที่เข้าใจกันดีว่าในแวดวงบอลเยอรมันนั้น บาเยิร์น เป็นกลุ่มที่มีแม่เหล็กเย้ายวนใจนักฟุตบอลแล้วก็ที่ปรึกษาได้มากกว่ากลุ่มร่วมลีกทุกทีม

ไม่ว่าลำแข้งกับผู้จัดการทีมฟุตบอลพวกนั้นจะเล่นอยู่ใน บุนเดสลีกา หรืออยู่ในลีกของประเทศอื่นก็ตาม อย่างที่มองเห็นกันแล้วว่าขนาดนักฟุตบอลของกลุ่มระดับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ยังพอใจที่จะกล่าวลา “เสือเหลือง” ไปซบ “เสือใต้” เลย

แต่กระนั้น ตอนฤดูกาล 2010-11 รังนิค เอาจริงเอาจังกับการพัฒนา ฮอฟเฟ่นไฮม์ให้แปลงเป็นหนึ่งในกลุ่มชั้นหนึ่งของ บุนเดสลีกา มากมายๆจนถึงประกาศเลยว่ายังไงๆอย่างไรเขาก็จะไม่ขาย กุสตาโว่ เพราะว่าเห็นว่าการปลดปล่อยลำแข้งระดับนี้กึ่งกลางฤดูมันก็ราวกับการยอมแพ้ไปในตัว

โดยที่ในช่วงเวลานั้น ฮอฟเฟ่นไฮม์กำลังเพียรพยายามลุ้นทำชั้นให้ติดโควตาสำหรับในการได้สิทธิ์ลงเล่นเกมถ้วยยุโรป

การปรับเปลี่ยน

แม้กระนั้น ดีทมาร์ ฮ็อปป์ประธาน ฮอฟเฟ่นไฮม์เวลานี้ดูต่างออกไป

เขานัดให้ เอิร์นส์ต แทนเนอร์ ผู้จัดการทั่วไปของชมรมเริ่มคุยกับคนของ บาเยิร์น เกี่ยวกับอนาคตของ กุสตาโว่ โดยมันเป็นภารกิจลับยอดเยี่ยมจนกระทั่งขนาดที่ ฮ็อปป์มิได้แจ้งให้ รังนิค ทราบเกี่ยวกับหัวข้อนั้นด้วย

ตอนท้ายแล้ว บาเยิร์น ก็ดึงตัว กุสตาโว่ ไปจากอ้อมอกของ ฮอฟเฟ่นไฮม์ได้เสร็จช่วงวันที่ 3 ม.ค. ปี 2011 โดยค่าจ้างอยู่ที่ 15-20 ล้านยูโร แต่ว่าดีลนั้นก็จำเป็นต้องแลกเปลี่ยนกับการที่ รังนิค ตกลงใจที่จะขออำลากลุ่มไปด้วยความยินยอมพร้อมใจด้วยกันเมื่อ 24 ชั่วโมงก่อนหน้านั้น  เนื่องจากเขาขุ่นเคืองมากมายๆที่กระดานบริหารปฏิบัติดีลนี้ลับหลังเขา

“การที่นักฟุตบอลโดนขายโดยที่คนเป็นผู้ฝึกสอนมิได้มีส่วนร่วมกับการตัดสินใจเลยน่ะนับว่าเป็นเรื่องที่รุนแรงมากมายๆ” เคล้าส์ ซเมนเท็ค ที่ในตอนนั้นเป็นบรรณาธิการของ คิ๊กเกอร์ สื่อกีฬามีชื่อเสียงของเมืองเบียร์สด กำหนด

“ถึงพวกเขาจะเคยมีความเกี่ยวพันที่ดีต่อกันมานาน 4 ปี แม้กระนั้นโน่นถือว่าเป็นการทำลายความไว้เนื้อไว้ใจกันอย่างแท้จริง” ในตอนที่ พอล แชปแมน ผู้ชำนาญของแวดวงบอลเยอรมัน กล่าวเกี่ยวกับหัวข้อนี้เช่นเดียวกันว่า “รังนิค ยังมีข้อตกลงของเขาอยู่ แล้วก็แท้จริงเขาสามารถอยู่กับกลุ่มถัดไปแล้วรับเงินของเขาไปจนกระทั่งตอนซัมเมอร์ปี 2012 ก็ได้ แต่ว่าเขารู้สึกอย่างกับว่าโดนหักหลัง”

ในเวลาที่ รังนิค กล่าวลา ฮอฟเฟ่นไฮม์ไปนั้น กลุ่มอยู่ในชั้น 8 ของลีก ในตอนที่ มาร์โก เปซไซอูโอลี่ ซึ่งเข้ามารับงานต่อจากเขาพาทีมจบฤดูนั้นด้วยการเป็นที่ 11 เรื่องราวของ รังนิค กับ ฮอฟเฟ่นไฮม์น่าจะเป็นสิ่งที่เตือนสติกระดานบริหารของ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้อย่างดีเยี่ยมว่าไม่สมควรเข้ามาเหลื่อมล้ำหน้าที่การงานของเขามากจนเกินความจำเป็น ถ้าทาง “ปีศาจแดง” ต้องการที่จะให้การร่วมงานกันในคราวนี้ระหว่างอีกทั้ง 2 ข้างลงเอยด้วยดี

https://crescentpointegolf.com